ดวงรายสัปดาห์ 12-18 ม.ค. 2568

ปัสสาวะเล็ด สัญญาณเตือนของอาการที่คุณผู้หญิงไม่ควรมองข้าม


ปัสสาวะเล็ดในผู้หญิง สาเหตุเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาอย่างไร?



ปัสสาวะเล็ด


อาการปัสสาวะเล็ดหรือปัสสาวะซึม เป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ การปรึกษาแพทย์เพื่อรับวินิจฉัยที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


ปัสสาวะเล็ดเป็นภาวะที่มักเกิดจากกล้ามเนื้อในระบบปัสสาวะอ่อนแรงหรือทำงานไม่ถูกต้อง สามารถเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การตั้งครรภ์ การคลอดบุตร ความอ้วน การอายุมากขึ้น หรือปัญหาทางสุขภาพอื่น ๆ การรักษาปัสสาวะเล็ดสามารถทำได้หลายวิธี มาทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะที่ทำให้ใครหลายคนรู้สึกกังวลได้ในบทความนี้




ปัสสาวะเล็ด คืออะไร 


อาการช้ำรั่ว (Urinary Incontinence) เป็นอาการที่ปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ทำให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ตั้งใจ อาจเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย แต่พบบ่อยในผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้น


ปัญหาปัสสาวะเล็ดสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทหลักๆ ดังนี้


1. Stress Incontinence (ปัสสาวะเล็ดเมื่อมีแรงดัน) เกิดขึ้นเมื่อมีแรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้นจากการออกกำลังกาย หัวเราะ ยกของหนัก ไอ จาม ทำให้กล้ามเนื้อที่ควบคุมปัสสาวะไม่สามารถทำงานได้เต็มที่


2. Urge Incontinence (ปัสสาวะเล็ดเมื่อมีความรู้สึกปวดปัสสาวะอย่างกะทันหัน) เกิดขึ้นเมื่อมีความรู้สึกปวดปัสสาวะอย่างฉับพลันและรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมได้ มักเกิดจากการทำงานผิดปกติของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ


3. Overflow Incontinence (ปัสสาวะล้น) เกิดขึ้นเมื่อกระเพาะปัสสาวะไม่สามารถขับปัสสาวะออกได้หมด ทำให้มีการเล็ดของปัสสาวะออกมาอย่างต่อเนื่อง ปัสสาวะเล็ดมักเกิดจากการอุดตันหรือกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแอ


4. Functional Incontinence (ปัสสาวะเล็ดเนื่องจากการทำงานผิดปกติ) เกิดจากปัจจัยภายนอกเช่น ความสามารถในการเคลื่อนไหวจำกัด หรือปัญหาทางสุขภาพที่ทำให้ไม่สามารถไปห้องน้ำได้ทันเวลา


5. Mixed Incontinence (ปัสสาวะเล็ดแบบผสม) เกิดขึ้นเมื่อมีอาการของปัสสาวะเล็ดมากกว่าหนึ่งประเภทในคนเดียวกัน มักพบว่ามีอาการทั้ง stress และ urge incontinence




ปัสสาวะเล็ด ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับใคร


ปัสสาวะเล็ด เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัยแต่มักพบได้บ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะปัสสาวะเล็ดในช่วงอายุผู้หญิงที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งแต่สาเหตุที่ผู้หญิงเกิดภาวะปัสสาวะเล็ดได้ง่ายเนื่องจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง การติดเชื้อในทางเดินปัสสาว ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด อาจทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้รับบาดเจ็บและอ่อนแอลงได้




ปัสสาวะเล็ด สาเหตุเกิดจากอะไร


ปัสสาวะเล็ด สาเหตุ


สาเหตุของปัสสาวะเล็ดมีหลายประการ ดังนี้


●  กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ: กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานทำหน้าที่พยุงอวัยวะภายในอุ้งเชิงกราน เมื่อกล้ามเนื้ออ่อนแอ อวัยวะเหล่านี้ เช่น กระเพาะปัสสาวะ อาจจะหย่อนตัวลง ทำให้เกิดปัสสาวะเล็ดได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อมีแรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น เช่น ไอ จาม หัวเราะ ยกของหนัก
●  การคลอดบุตร: การคลอดบุตร โดยเฉพาะการคลอดลูกใหญ่ คลอดลูกแฝด หรือการคลอดผ่านช่องคลอดเป็นเวลานาน อาจทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอลง
●  น้ำหนักตัวมาก: น้ำหนักตัวที่มากขึ้น จะเพิ่มแรงดันในช่องท้อง ส่งผลต่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
●  วัยทอง: ฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนลดลงในวัยทอง ส่งผลต่อกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อในอุ้งเชิงกราน ทำให้อ่อนแอลง
●  โรคบางชนิด: โรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคพาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง โรคทางระบบประสาท
●  ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยานอนหลับ
●  การผ่าตัด: การผ่าตัดในบริเวณอุ้งเชิงกราน เช่น การผ่าตัดมดลูก การผ่าตัดต่อมลูกหมาก




เช็คอาการปัสสาวะเล็ดเป็นอย่างไร


อาการของปัสสาวะเล็ด (Urinary Incontinence) มีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไปแล้ว อาการที่พบบ่อยมีดังนี้


ปัสสาวะเล็ดขณะออกแรง 


●  ปัสสาวะเล็ดออกมาเมื่อมีแรงกระทำในช่องท้องเพิ่มขึ้น เช่น หัวเราะ ยกของหนัก ไอ จาม ปัสสาวะเล็ดจึงไม่สามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่
●  มักเกิดขึ้นในผู้หญิงที่มีกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ หลังคลอดบุตร หรือผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้น
●  อาจจะปัสสาวะเล็ดเป็นหยดๆ หรือเปียกชุ่มไปทั้งกางเกง


ปัสสาวะเล็ดทันทีเมื่อปวดปัสสาวะ


●  รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยและกลั้นไม่อยู่
●  มักเกิดขึ้นพร้อมกับอาการปวดท้องน้อย หรือรู้สึกเหมือนมีอะไรค้างอยู่ในช่องคลอด (ผู้หญิง)
●  อาจจะปัสสาวะเล็ดก่อนที่จะไปถึงห้องน้ำ


ปัสสาวะเล็ดทั้งขณะออกแรงและทันทีเมื่อปวดปัสสาวะ 


●  เกิดจากสาเหตุทั้งสองประเภท
●  อาจจะปัสสาวะเล็ดเป็นหยดๆ หรือเปียกชุ่มไปทั้งกางเกง


ปัสสาวะเล็ดตลอดเวลาเนื่องจากมีปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะ 


●  เกิดจากกระเพาะปัสสาวะไม่สามารถบีบตัวขับปัสสาวะออกมาได้หมด
●  มักเกิดในผู้ที่มีปัญหาทางระบบประสาท หรือผู้ที่มีการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ
●  ปัสสาวะเล็ดออกมาตลอดเวลา ไม่สามารถควบคุมได้




ปัสสาวะเล็ด รักษาได้โดยวิธีใดบ้าง?


ปัสสาวะเล็ดรักษาอย่างไร? วิธีแก้ปัสสาวะเล็ดขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ


1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการฝึกกล้ามเนื้อ


●  การฝึกกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Kegel exercises): ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ช่วยควบคุมปัสสาวะ
●  การฝึกกระเพาะปัสสาวะ (Bladder training): การกำหนดเวลาในการปัสสาวะเพื่อเพิ่มความจุของกระเพาะปัสสาวะ


2. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต


●  ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์
●  หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากๆ ก่อนนอน เพื่อหลีกเลี่ยงอาการปัสสาวะเล็ดตอนนอน
●  ควบคุมน้ำหนักเพื่อหลีกเลี่ยงความดันที่เพิ่มขึ้นในช่องท้อง


3. การใช้ยาแก้ปัสสาวะเล็ด


●  ยาบางชนิดสามารถช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะหรือเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ควบคุมปัสสาวะ


4. การใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยเหลือ


●  แผ่นซับปัสสาวะหรือผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่
●  อุปกรณ์ช่วยเช่น pessary สำหรับผู้หญิง


5. การทำกายภาพบำบัด


●  การทำกายภาพบำบัดสำหรับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน


6. การผ่าตัด


●  ในกรณีที่การรักษาปัสสาวะเล็ดอื่นๆ ไม่ได้ผล การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือก เช่น การใส่สายคาดใต้ท่อปัสสาวะ (sling procedure) หรือการผ่าตัดแก้ไขตำแหน่งกระเพาะปัสสาวะ


7. การใช้เทคนิคทางการแพทย์อื่นๆ


●  การใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การฉีดสารเติมเต็ม (bulking agents) เข้าไปในท่อปัสสาวะเพื่อเพิ่มความดันหรือการใช้กระแสไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อ




สรุปปัสสาวะเล็ด


ปัสสาวะเล็ด ไม่ได้เป็นภาวะที่น่าอาย และสามารถรักษาให้หายขาดได้ การรักษาและการจัดการอาการปัสสาวะเล็ดขึ้นอยู่กับประเภทของอาการและความรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสม




Pooyingnaka Wellness

Interesting Blog
โพสต์โดย: lovetoread 0
โพสต์โดย: lovetoread 0
โพสต์โดย: admeadme 0
โพสต์โดย: nemophilanie 0
โพสต์โดย: mafiaporgun 0
โพสต์โดย: ADMEADME 0
โพสต์โดย: nemophilanie 0
โพสต์โดย: nemophilanie 0

Interest Product