ไขข้อสงสัยเตรียมตั้งครรภ์ ทานคอลลาเจนได้หรือไม่


 

ไขข้อสงสัยเตรียมตั้งครรภ์ ทานคอลลาเจนได้หรือไม่

ผู้หญิงวางแผนท้อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงที่มีบุตรยากที่มีอายุล่วงเลยวัย35ปีขึ้นไป ล้วนแล้วมีความกังวลเรื่องผิวพรรณและริ้วรอย เพราะยังคงอยากมีผิวพรรณที่สดใสเปล่งปลั่ง สุขภาพดี จึงเกิดคำถามมากมายว่าระหว่างเตรียมตั้งครรภ์ สามารถทานอาหารเสริมคอลลาเจนได้หรือไม่ และควรเลือกทานคอลลาเจนแบบไหนเพื่อการตั้งครรภ์ที่มีคุณภาพ ไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการวางแผนตั้งครรภ์ 

ครูก้อย นัชชา ลอยชูศักดิ์ ครูวิทยาศาสตร์และผู้ก่อตั้งเพจให้ความรู้เตรียมตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยาก https://www.facebook.com/BabyAndMom.co.th ให้ข้อมูลจากการศึกษาค้นคว้างานวิจัยเกี่ยวกับคอลลาเจนและภาวะเจริญพันธุ์ว่า  คอลลาเจน (Collagen) เป็นเส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่พบในร่างกาย ได้แก่ ด้วยกรดอะมิโนไกลซีน (glycine) กลูตามีน (glutamine) และโพรลีน (proline) ทําหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงและเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่อวัยวะต่างๆ และเป็นองค์ประกอบหลักของผิวพรรณ ทำหน้าที่ให้ผิวพรรณมีความเรียบเนียนเต่งตึงขึ้น และพบคอลลาเจนมากในเส้นเอ็น หลอดเลือด ข้อต่อ กระดูก ฟัน และเส้นผม รวมถึงเซลล์สืบพันธุ์ด้วย  อย่างไรก็ตามคอลลาเจนในร่างกายจะเริ่มลดน้อยลงเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่เตรียมตั้งครรภ์ หรือ ผู้มีบุตรยากที่มีอายุ 35 ปี ขึ้นไป ซึ่งนอกจากจะกังวัลเรื่องผิวพรรณที่เริ่มมีริ้วรอยแล้ว ภาวะเจริญพันธุ์ก็เข้าสู่ช่วงวัยที่เริ่มถดถอยเช่นกัน  จึงมีความต้องการเสริมคอลลาเจนให้กับร่างกายด้วยวิธีการทานอาหารเสริม แต่ยังคงมีความกังวลว่าอาหารเสริมคอลลาเจนจะผลต่อกระบวนการเตรียมตั้งครรภ์หรือไม่ 



ครูก้อย นัชชา ให้ข้อมูลว่า จากการศึกษาค้นคว้างานวิจัยเกี่ยวกับคอลลาเจนที่สัมพันธ์กับภาวะเจริญพันธุ์และการตั้งครรภ์ ยังไม่มีผลการวิจัยที่ยืนยันว่า การกินคอลลาเจนเสริมอาหารระหว่างเตรียมตั้งครรภ์และตั้งครรภ์ส่งผลกระทบร้ายแรงใดๆ ต่อทารกในครรภ์  โดยมีรายงานวิจัยจากวารสาร  Journal of Pregnancy and Child Health (2016) ที่ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับ การตอบสนองของอาหารเสริมคอลลาเจนประเภท hydrolysed collagen ในกลุ่มสตรีมีครรภ์ และสตรีหลังคลอด อายุระหว่าง 19-43 ปี ทดลองโดยการดื่มคอลลาเจน 2 ครั้งต่อวัน ในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 3 เป็นเวลา 10 weeks จนถึงช่วงหลังคลอดโดยแบ่งผู้ทดลองเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มควบคุมและกลุ่มที่ทานคอลลาเจน ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มที่ทานคอลลาเจนมีระดับโปรตีนที่สูงกว่ากลุ่มควบคุม พบว่าแผลผ่าตัดหลังคลอด หายเป็นปกติได้เร็วกว่าผู้ที่ไม่ได้รับการเสริมคอลลาเจน โดยคอลลาเจนจะช่วยฟื้นฟูแผลผ่าตัดหลังคลอดได้ดีขึ้น 72% แผลจากการคลอด ของผู้ที่ได้รับคอลลาเจนเสริมอาหารดังกล่าวหายเป็นปกติได้เร็วกว่าผู้ที่ไม่ได้รับการเสริมคอลลาเจน และไม่มีผลลัพธ์ที่ไม่พึ่งประสงค์ระหว่างการศึกษา


นอกจากนี้ยังมีรายงานวิจัย  จาก International Journal of Biological Sciences (2020) เรื่อง Collagen at the maternal-fetal interface in human pregnancy ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับคอลลาเจนเป็นองค์ประกอบสำคัญของ Extracellular matrix (ECM) ซึ่งทำหน้าทำหน้าที่ในการปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์คล้าย Cell wall โดยจะมีบทบาทสำคัญในส่วนเชื่อมต่อกันระหว่างตัวอ่อนและมารดา ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อและสร้างเส้นเลือดใหม่ขึ้นมา และช่วยในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทารกในครรภ์มารดา และนอกจากนี้ระดับของคอลลาเจนยังบ่งบอกถึงอัตราการตั้งครรภ์อีกด้วย อีกทั้งคอลลาเจนยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานของเนื้อเยื่อและอวัยวะ และมีหน้าที่การพัฒนาอวัยวะ การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และมีความสำคัญในการสังเคราะห์ฮอร์โมนที่ช่วยให้ภาวะตั้งครรภ์ดำเนินไปตามปกติ

จากงานวิจัยข้างต้น จึงสรุปได้ว่า คอลลาเจนมีความสำคัญในกระบวนการเตรียมตั้งครรภ์ และไม่มีอันตรายสำหรับผู้วางแผนท้อง หรือตั้งครรภ์  ดังนั้นผู้ที่เตรียมตั้งครรภ์ควรได้รับคอลลาเจนที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่หากผู้ที่เตรียมตั้งครรภ์มีอายุ 35 ปีขึ้นไป และมีภาวะมีบุตรยาก นอกจากจะทานอาหารที่หลากหลายครบ 5 หมู่แล้ว ควรเลือกทานอาหารที่ช่วยเสริมคอลลาเจนให้กับร่างกาย 

ซึ่งแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยคอลลาเจนได้แก่ 



• มากิเบอร์รี่ เป็นผลไม้ในตระกูลเดียวกับ บลูเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ ซึ่งมากิเบอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด มากกว่า อาซาอิเบอร์รี่ 5 เท่า มากกว่า โกจิเบอร์รี่ 9 เท่า ผลสดของมากิเบอร์รี่ 100 กรัม มีสารแอนโธไซยานิน(Anthocyanin) เรียกว่า เดลฟินิดิน (Delphinidin) สูงถึง 138 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนได้ดีขึ้น  นิยมใช้สารสกัดจากมากิเบอร์รี่ไปทำผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ช่วยในเรื่องผิวพรรณ ซึ่งสามารถช่วยป้องกันเรื่องริ้วรอย ลดรอยแดง ลดการอักเสบ ลดความหมองคล้ำให้ผิวพรรณกระจ่างใส  และมีประโยชน์ต่อสุขภาพอื่นๆอีกมาก 

• จมูกข้าวญี่ปุ่น ช่วยเข้าไปเติมเต็มผิวที่แห้งขาดน้ำ ให้กลับไปชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวาอีกครั้ง แถมยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ป้องกันการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนได้ดีขึ้น 

• ผักผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินซี ได้แก่ ส้ม ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี หรือ มะกรูด เนื่องจากวิตามินซีช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน อีกทั้งยังเสริมความแข็งแรงของเซลล์ผิวได้อีกด้วย

• ไข่ขาว เป็นแหล่งกรดอะมิโนโปรลีน ซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นใยคอลลาเจน

• แตงกวา แครอท และแคนตาลูป ให้ร่างกายเสริมสร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่

• หอยนางรม มีกรดอะมิโนที่สำคัญต่อกระบวนการสร้างคอลลาเจน และยังอุดมด้วยธาตุเหล็กและวิตามิน B2 ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย

• ถั่ว เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลันเตา และถั่วลิสง อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนมากขึ้น

• ผักใบเขียวทุกชนิด อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า ลูติน (lutein) ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• ผักและผลไม้สีแดง เช่น มะเขือเทศ มีไลโคปีนสูง มีหน้าที่คล้ายสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ชะลอริ้วรอยแห่งวัยและเติมเต็มความแข็งแรงของเซลล์ผิว
 


แต่หากคอลลาเจนที่ได้จากการรับประทานอาหารยังไม่เพียงพอ การเลือกทานอาหารเสริมคอลลาเจนเป็นอีกหนึ่งทางเลือก แต่ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ แม้ว่ายังไม่มีผลการวิจัยที่ยืนยันว่าการกินคอลลาเจนเสริมอาหารระหว่างเตรียมตั้งครรภ์  ส่งผลกระทบร้ายแรงใดๆ ต่อทารกในครรภ์ แต่อย่างไรก็ตามควรเลือกรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจนที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ และไม่มีส่วนผสมของสมุนไพรใดๆ จากผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ ได้รับมาตรฐานการผลิตและผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย สำหรับผู้ที่เตรียมตั้งครรภ์และผู้มีบุตรยากสามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับการเตรียมตั้งครรภ์ได้ที่ https://www.facebook.com/BabyAndMom.co.th  หรือซักถามข้อสงสัยกับ ครูก้อย นัชชา ลอยชูศักดิ์ โดยตรงผ่านทางไลน์แอด @babyandmom.co.th  






Pooyingnaka Wellness