รู้ก่อนทำ! Thermage หัตถการยกกระชับใบหน้ามาแรงประจำปี 2024
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ผิวหนังที่เคยเรียบเนียบมีความตึงกระชับก็เริ่มหย่อนคล้อยลง การบำรุงผิวด้วยการทาครีมบำรุงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ทำให้ปัจจุบันมีเทคโนโลยีและหัตถการใหม่ๆ เกี่ยวกับการยกกระชับผิวเกิดขึ้นมากมาย และหัตถการยกกระชับที่เรียกได้ว่ากำลังมาแรงสุดๆ ตอนนี้ต้องยกให้กับ ‘Thermage (เทอมาจ)’ ที่เชื่อว่าหลายคนต้องเคยได้ยินและคุ้นหูกันมาบ้าง เพราะเทคโนโลยีประเภทนี้โด่งดังมาตั้งแต่ช่วงปี 2023 และส่งต่อความฮอตฮิตมาจนถึงปี 2024 เลย! สำหรับใครที่มีความสนใจอยากยกกระชับใบหน้าและมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ Thermage อยู่ล่ะก็ วันนี้เราได้นำข้อมูลสำคัญของหัตถการสุดฮอตนี้มาฝากทุกคนแล้ว ไปดูกัน!
Thermage คืออะไร?
Thermage หรือเทอมาจ คือ นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม เพื่อยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีได้รับการรับรองจาก US-FDA ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุในรูปแบบเฉพาะ ที่เรียกว่า Monopolar Capacitively-Coupled Radiofrequency (RF) ยิงลงไปที่ชั้นผิว ซึ่งจะให้มวลความร้อนที่ลงลึกและสม่ำเสมอ สามารถส่งพลังงานได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) จึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
Thermage FLX ทำงานอย่างไร?
เครื่อง Thermage FLX ทำงานด้วยการส่งพลังงานความร้อนโดยใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Monopolar RF) ยิงลงไปยังชั้นผิวหนังแท้ และลึกจนไปถึงชั้นไขมัน โดยพลังงานความร้อนจาก Thermage ที่ส่งผ่านลงไปจะเข้าไปแยกโมเลกุลของน้ำออกจากเส้นใยคอลลาเจน ทำให้คอลลาเจนหดตัวทันที ผิวพรรณมีความตึงกระชับขึ้น นอกจากนี้ขณะที่ Thermage ส่งความร้อนไปยังชั้นผิวที่ลึกนั้น ตัวเครื่องยังมีระบบสั่นพร้อมกับการปล่อยความเย็นออกมาเป็นระยะๆ ซึ่งมีส่วนช่วยลดคามเจ็บและรู้สุกสบายผิวมากขึ้น ทั้งยังลดผลข้างเคียงต่างๆ อย่างอาการผิวเบิร์นขณะทำได้ด้วย โดยหลังทำ Thermage ผิวจะมีการสร้างคอลลาเจนและเกิดการจัดเรียงตัวใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผิวตึงขึ้น ยกกระชับขึ้น หลังการทำเพียงครั้งเดียว และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
Thermage เหมาะสำหรับใครบ้าง?
การทำ Thermage เป็นหัตถการที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยให้กลับมาตึงกระชับ ดูเรียบเนียนมากขึ้น สามารถทำได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย โดยเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวดังนี้
● เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณแก้ม เหนียง ผิวใต้คาง
● เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอย รอยย่นบนใบหน้ามาก เนื่องจากไขมันเยอะ และอายุที่เพิ่มมากขึ้น
● เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวขาดคอลลาเจน ต้องการฟื้นบำรุงให้ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้น
● เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก ต้องการให้กรอบหน้าชัดขึ้น
● เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย บริเวณใบหน้า ลำคอ หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และหลังมือ
● เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเซลลูไลต์บริเวณต้นขาและก้น
● เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ต้องการฟื้นฟูผิวหน้า กระชับรูขุมขน คืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวหน้าอีกครั้ง
Thermage ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง?
โดยปกติแล้ว Thermage สามารถทำได้ทั้งบริเวณลำตัว ผิวหน้า และผิวรอบดวงตา แต่จำนวนช็อตที่ใช้จะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ สภาพผิว และการประเมินของแพทย์มากประสบการณ์ตามความเหมาะสม เช่น
● บริเวณใบหน้า : Thermage สามารถทำได้ทั่วทั้งหน้าและลำคอ สามารถยกกระชับผิวหย่อนคล้อยได้เล็กน้อยจนถึงปานกลาง เช่น บริเวณแก้มที่มีความห้อย บริเวณเหนียง หรือผิวใต้คางที่มีความหย่อนคล้อย บริเวณกรอบหน้า และใบหน้า ช่วยให้กรอบหน้าและใบหน้าเรียวกระชับขึ้น
● บริเวณรอบดวงตา : การทำ Thermage บริเวณรอบดวงตา สามารถแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ให้มีความกระชับขึ้น แก้ปัญหาคิ้วตก หนังตาตก และผิวเปลือกตามีรอยย่น ไปจนถึงการยกคิ้วให้ได้รูปขึ้นด้วย
● บริเวณลำตัว : Thermage สามารถทำได้หลายบริเวณ ไม่ว่าจะเป็นหลังมือ หน้าท้อง สะโพก ต้นแขน หรือช่วงต้นขาที่มีความหย่อนคล้อย ช่วยให้ผิวบริเวณดังกล่าวกระชับเรียบเนียนขึ้น รอยย่นต่างๆ ลดเลือนลง
Thermage | Hifu | Ulthera SPT ต่างกันอย่างไร?
หลายคนเข้าใจผิดว่า Thermage | Hifu | Ulthera SPT ทั้งสามอย่างนี้เหมือนกันเพราะเป็นหัตถการแบบยิงเลเซอร์ แต่จริงๆ หัตถการทั้งสามอย่างนี้ใช้เลเซอร์และคลื่นพลังงานที่แตกต่างกัน จุดเน้น และผลลัพธ์จึงไม่ได้เหมือนกัน 100% โดยแต่ละตัวมีจุดเด่นและข้อแตกต่างกันดังนี้
● Thermage: อย่างที่เราบอกไปแล้วว่า Thermage นั้นใช้หลักการทำงานของพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (RF) เพื่อกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวหนังแข็งแรงขึ้น มีความยืดหยุ่น ริ้วรอยลดลง ยกกระชับผิวให้เรียบเนียนขึ้น และยังช่วยลดการสะสมของไขมัน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินเยอะ เห็นผลทันทีหลังทำประมาณ 20% และเห็นผลอย่างชัดเจนใน 3 - 6 เดือน หากมีการทำอย่างสม่ำเสมอ
● HIFU: สำหรับหัตถการ HIFU มีหลักการทำงานโดยใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ พลังงานลงลึกจนถึงชั้นกล้ามเนื้อ (SMAS) เป็นหัตถการสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ที่เกิดจากปัญหาคอลลาเจนและอิลาสตินยืดตัวในชั้นผิว ช่วยปรับรูปหน้าให้มีความกระชับ ดูเรียวขึ้น เห็นผลได้ทันทีหลังทำ และให้ผลลัพธ์ชัดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์
● Ulthera: หลักการทำงานของ Ulthera จะใช้คลื่นเสียงความถี่สูงที่มีความจำเพาะ (Focused Ultrasound) ส่งลึกลงไปยังชั้นกล้ามเนื้อ (SMAS) พลังงานที่ส่งจะเป็นลักษณะจุดไข่ปลาเล็กๆ มีความสม่ำเสมอ ระยะห่างประมาณ 1 - 1.5 มม. เป็นหัตถการยกกระชับใบหน้า ที่เหมาะสำหรับผู้มีไขมันสะสมน้อย เห็นผลหลังทำ 30% เห็นผลเต็มที่ใน 2 - 3 เดือน หากมีการทำอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ว่าใครก็คงอยากมีผิววสวย สุขภาพดี ดูอ่อนเยาว์ ดังนั้นความหย่อนคล้อยของผิวจึงเป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่ไม่ควรเพิกเฉย เพราะเมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวของเราไม่สามารถฟื้นฟูได้ดีดังเดิม ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีและหัตถการยกกระชับผิวเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งแต่ละอย่างล้วนเหมาะกับสภาพผิวและแก้ปัญหาแตกต่างกันออกไป ควรศึกษาข้อมูลและเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือและได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและความคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่เราเสียไป ที่ Lovely Eye & Skin Clinic เราเป็นคลินิกที่พร้อมให้บริการดูแลความงามอย่างครบครัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘เคล็ดลับความงามรูปแบบใหม่’ ดูแลโดยแพทย์ที่มีความเข้าใจและมีความรู้เฉพาะทางด้านผิวพรรณ ควบคู่กับการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ได้คุณภาพ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีที่สุด
ติดต่อสอบถาม | ปรึกษา ปัญหาสภาพผิว
Lovely Eye & Skin Clinic
Tel: 061-405-0044
Line: @lovelyeye
Facebook: Lovely Eye & Skin Clinic